มาร์คัส แรชฟอร์ด กลายเป็นหนึ่งในตัวความหวังกับอนาคตของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฐานะกองหน้า รวมถึงทีมชาติอังกฤษ หลังแจ้งเกิดกับทีมได้อย่างชัดเจนและเป็นช่วงเวลาในการพัฒนาฝีเท้าอย่างต่อเนื่อง เมื่อยังเป็นกำลังสำคัญหลักในการลงสนามให้กับทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จนกลายเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก และแน่นอนว่าจะต้องถูกนำไปเปรียบเทียบกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อดีตสตาร์ของทีม เมื่อย้ายมายังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดด้วยวัยเพียง 18 ปี ในปี 2003 ก่อนที่จะแจ้งเกิดและกลายเป็นระดับโลก มีส่วนช่วยทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย ก่อนที่จะย้ายไปยัง เรอัล มาดริด ในปี 2009 ด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของโลกในช่วงเวลาดังกล่าว
แมนฯ ยูไนเต็ดพยายามตามหานักเตะที่สามารถเติมเต็มศักยภาพของทีมได้เหมือนกับดาวเตะชาวโปรตุเกสและสถานการณ์ในเวลานี้ก็ดูจะเป็นแรชฟอร์ด หลังได้รับโอกาสประเดิมสนามให้กับทีมชุดใหญ่ในปี 2016 กับภายใต้การคุมทีมของหลุยส์ ฟาน กัล โดยบทความนี้จะนำไปเปรียบเทียบกับสถิติของโรนัลโด้ด้วยวัยเดียวกัน
มาร์คัส แรชฟอร์ด
ลงสนาม 221 เกม ตัวจริง 154 เกม ตัวสำรอง 67 เกม
ทำได้ 71 ประตู 41 แอสซิสต์ จุดโทษ 8 ประตู
202.8 นาทีต่อประตู
228.6 นาทีต่อประตู (ไม่นับจุดโทษ)
128.6 นาทีต่อประตูหรือแอสซิสต์
คริสเตียโน่ โรนัลโด้
ลงสนาม 219 เกม ตัวจริง 178 เกม ตัวสำรอง 41 เกม
ทำได้ 77 ประตู 52 แอสซิสต์ จุดโทษ 10 ประตู
212.6 นาทีต่อประตู
244.3 นาทีต่อประตู (ไม่นับจุดโทษ)
126.9 นาทีต่อประตูหรือแอสซิสต์
จากสถิติของแรชฟอร์ด และโรนัลโด้ ผลที่ออกมาก็คือเป็นสถิติที่ใกล้เคียงกันมากๆ เมื่อดาวยิงชาวอังกฤษพัฒนาการเล่นได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากลงเล่นให้กับทีมไปหลายเกมในช่วง 2-3 ฤดูกาลหลังสุด โดยแรชฟอร์ดทำประตูได้มากกว่าโรนัลโด้เพียงนิดหน่อยในช่วงวัยเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตาม โรนัลโด้เป็นนักเตะที่ทำแอสซิสต์ให้กับเพื่อนร่วมทีมได้ดีกว่า แต่ก็ไม่ได้เป็นสถิติที่ห่างกันสักเท่าไหร่ ยิ่งทำให้มีความเป็นไปได้สูง หากแรชฟอร์ดยังพัฒนาการเล่นอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งมีโอกาสในการเดินตามรอยเท้าดาวเตะเจ้าของรางวัลบัลลง ดอร์ 5 สมัย ได้อย่างแน่นอน
กับช่วงเวลาที่โซลชาตัดสินใจเซ็นสัญญา เอดินสัน คาวานี่ เข้ามาร่วมทีม นับเป็นโอกาสที่แรชฟอร์ดจะได้เรียนรู้ประสบการณ์จากดาวเตะชาวอุรุกวัย เมื่อแรชฟอร์ดยังคงเป็นตัวหลักในการลงสนามให้กับทีม แม้ในช่วงที่ผ่านมา อองโตนี่ มาร์กซิยาล จะได้รับโอกาสลงสนามในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้ามากกว่าก็ตาม แต่ก็ยังนับเป็นประโยชน์สำหรับตัวแรชฟอร์ดทั้งหมด