พวกเราน่าจะเคยได้ยินเรื่องราวอันเป็นตำนานที่น่าทึ่งมากมายมาจากตัวของ ลิโอเนล เมสซี่ จอมทัพร่างเล็กพริกขี้หนูของสโมสร บาร์เซโลนา โดยเฉพาะกับความมหัศจรรย์ที่เกิดจากเท้าซ้ายเพชฌฆาตของเขา ทั้งจังหวะการเลี้ยงบอลด้วยความเร็ว ลากบอลตะบึงสู่พื้นที่สุดท้ายของคู่ต่อสู้ก่อนจะเช็คบิลมันอย่างเลือดเย็นด้วยการยิงประตูลักษณะต่างๆ …
ไม่ว่าจะเป็นการยกบอลข้ามตัวผู้รักษาประตู … ชิพบอลเหนือชั้นให้ได้น้ำหนักชั่งทอง ปล่อยบอลให้ตกในประตูอย่างแม่นยำ … การเลี้ยงบอลหลบกระทั่งผู้รักษาประตูแล้วยิงใส่ตาข่ายโล่งๆอย่างเลือดเย็น … การยิงประตูใส่ทีเดียวแบบไม่ต้องจับ และสุดท้ายก็คือการลากบอลเข้าไปยังริมเขตโทษ และจากนั้นก็ปั่นโค้งสวยๆเสียบสามเหลี่ยมบ้าง หรือยิงประตูด้วยลูกนิ่งระยะทำการของเขา นั่นแหละคืออาวุธของ เมสซี่ ถ้านับเฉพาะการยิงประตู
และนอกจากการเลี้ยงบอลนั้น เมสซี่ยังมีทีเด็ดคือการจ่ายบอลจังหวะสุดท้ายให้เพื่อนหลุดเข้าไปยิงประตูได้อีก เพราะสายตาในการมองช่องเพียงนิดเดียว เขาสามารถจ่ายบอลด้วยจังหวะ “คิลเลอร์พาส” ให้เพื่อนหลุดเข้าไปยิงประตูได้เลย (อย่างเลวร้ายสุดคือยิงโง่ๆจนบอลออกหลังไปเอง) เรียกว่าพิษสงรอบตัวมีหมด ขอแค่มีบอลอยู่ที่เท้าของเขาก็พอ แต่ว่ากว่าจะมาถึงวันนี้นั้น เมสซี่ เปลี่ยนตำแหน่งตัวเองในแนวรุกมาแล้วเพียบเลยทีเดียว ว่าแต่เขาเคยผ่านการเล่นในบทบาทไหนมาบ้าง เราจะต้องมาดูกันหน่อยแล้วล่ะ !
กองหน้าตัวต่ำ !
นักเตะที่ชอบใส่เสื้อหมายเลข 10 นั้นส่วนใหญ่ถ้าไม่ได้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุก พวกเขาก็จะเล่นในบทบาทของตัว “หน้าต่ำ” ซึ่งในระบบการเล่นของแต่ละทีมนั้น หากเป็น 4-4-2 ก็จะมีหน้าต่ำ 1 คนคอยทำเกมอยู่หลังกองหน้าตัวเป้า แต่สำหรับบาร์เซโลนานั้น ทีมเยาวชนของทุกชุด จะถูกปรับให้เล่นในระบบ 4-3-3 เหมือนกันหมด ให้มีโมเดลการเล่นใกล้เคียงกับทีมชุดใหญ่ ทำให้นักเตะในทีมเยาวชนทุกรุ่นเข้าใจในระบบการเล่นแบบกองหน้า 3 คน กองกลาง 3 คน
และตัวของ เมสซี่ ก็ได้เล่นในระบบกองหน้าตัวต่ำทางขวาเป็นหลัก ด้วยเหตุผลที่ว่า เจ้าตัวจะมีพื้นที่ในการเล่นมากขึ้น และใช้เท้าซ้ายเลี้ยงบอลตัดเข้าในเพื่อเปิดบอล แทงบอลให้กองหน้าตัวเป้าทำประตูได้ง่าย หรือเจ้าตัวจะหาพื้นที่เข้าไปยิงเองก็ได้ และนอกจากนี้ เจ้าตัวยังเล่นในตำแหน่งหน้าต่ำตรงกลางหลังกองหน้าตัวเป้า 2 รายก็ได้แล้วแต่โค้ชจะสั่งการ
ปีกทั้งสองฝั่ง !
ระบบ 4-3-3 ใช่ว่าจะมีแต่ตัวหน้าต่ำ 2 คนที่ทำเกมหลังกองหน้าตัวเป้า แต่ในบางครั้งมันยังสามารถสั่งการให้นักเตะที่เล่นเป็นหน้าต่ำ วิ่งออกในพื้นที่บอลสเต็ปด้านกว้างมากขึ้น ออกไปทำเกมริมเส้นในตำแหน่งปีกได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งบทบาทของปีกขวานี่เองที่ เมสซี่ เล่นบ่อยครั้งในทีมเยาวชน และรวมถึงช่วงที่เขาขึ้นมาเล่นให้กับ บาร์เซโลนา ชุดใหญ่ในยุคการทำทีมของ แฟรงค์ ไรจ์การ์ด เมสซี่ที่ถนัดซ้ายนั้น สามารถร่ายมนต์ในการเล่นเป็นวิงเกอร์ฝั่งขวาได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนการเล่นทางฝั่งซ้ายนั้น น้อยครั้งที่จะเห็นเขาไปอยู่ทางนั้น ยกเว้นแต่สถานการณ์มันพาไป ที่ซึ่งเขาพาบอลไปป้วนเปี้ยนทางพื้นที่โซนนั้นแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ และรวมถึงในช่วงหลังๆมานี้ เราก็เห็น เมสซี่ อยู่ทางซ้ายบ้าง กลางบ้าง ขวาบ้างเช่นกัน
กองหน้าด้านขวา !
กองหน้าด้านขวาคือตำแหน่งกึ่งหน้าต่ำที่ เป๊ป กวาดิโอลาร์ ให้เมสซี่ลงเล่นในปีแรกที่เขาทำทีม บาร์เซโลนา ซึ่งผลมันออกมาก็คือ เมสซี่ ทั้งยิง ทั้งแอสซิสต์ได้เป็นกอบเป็นกำ และเขายังมีเล่นในบทบาทกองหน้าด้านขวาที่จับคู่กับหน้าเป้าอีกคนในแผน 4-4-2 ในนามทีมชาติอาร์เจนตินาชุดที่ไปทำศึกฟุตบอลโลก 2014 อีกด้วย โดยเขามีหน้าที่ในการสร้างเกมรุกให้กับพาร์ทเนอร์ในแดนหน้าคือ กอนซาโล อิกวาอิน
กองกลางตัวรุก !
ในสมัยไปเล่นฟุตบอลโลก 2010 ตัวของ ดิเอโก้ มาราโดนา ตำนานลูกหนังชาวฟ้าขาวที่เป็นผู้จัดการทีม ต้องการให้ เมสซี่ เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกหลังกองหน้า 2 ตัวในระบบ ไดมอนด์มิดฟิลด์ ซึ่งตำแหน่งของเมสซี่ จะอยู่บนปลายยอดสุดของแผนไดมอนด์ แต่มันก็ดันเป็นจุดที่ เมสซี่ ค่อนข้างจะอยู่ไกลจากพื้นที่เช็คบิลที่เขาถนัดพอสมควร มันเลยทำให้ เมสซี่ ในสมัยที่ยังบ้าลากบอลตะบึงเข้าใส่เขตโทษ ไม่ค่อยเวิร์คในการเล่นในตำแหน่งกลางรุกเท่าไหร่นัก
กองหน้าตัวกลาง !
นี่คือตำแหน่งที่ทำให้เมสซี่โหดอำมหิตมากที่สุดเลยทีเดียวกับบทบาทกองหน้าตัวกลางหรือ “ฟอลส์ไนน์” ตัวของ เมสซี่ จะมีหน้าที่ในการทั้งลงมาเชื่อมเกมเอง เลี้ยงบอล จ่ายบอลทะลุช่องให้ปีก 2 ฝั่งที่วิ่งตัดเข้าในมายังเขตโทษสามารถทำประตูได้ ลงไปช่วยเพรสซิ่งในแดนกลางร่วมกับมิดฟิลด์ได้ ทำเกมเองได้ ทุกอย่างนั้นทำได้หมด มันเลยส่งผลให้เมสซี่ ยิงประตูระเบิด จ่ายบอลให้เพื่อนยิงได้เป็นกอบเป็นกำเลยนั่นเอง