มีผู้เล่นดาวรุ่งเพียงไม่กี่คนที่กล้าจะเดินออกจากถิ่นซานติเอโก เบอร์นาบิว ของ เรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึก ลา ลีกา สเปน แต่ แจ็ค ฮาร์เปอร์ ซึ่งปัจจุบันเป็นดาวเด่นให้กับ มาลาก้า ในศึกเซกุนด้า ลีกา คือหนึ่งในผู้เล่นที่ยอมถอดเสื้อ “ราชันชุดขาว” ออกไป
ฮาร์เปอร์ เปรียบเสมือนบุคคลที่หายากของชาวสก็อตแลนด์ เนื่องจากตัวเขาเกิดในสเปน ซึ่งได้เริ่มเรียนรู้เกมลูกหนังในภาคใต้ของเมืองกระทิงดุ และมีความฝันในการเล่นฟุตบอลโลกร่วมกับทีมชาติสกอตแลนด์ บ้านเกิดของตนเอง
“ตอนที่ผมอยู่ในสเปนฉัน ผมรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้กลับบ้าน เพราะผมได้เห็นครอบครัวของตัวเองทำให้รู้สึกถึงบรรยากาศของชาวสก็อต” เขากล่าวด้วยสำเนียงสก็อตแลนด์
กองหน้าวัย 22 ปี พูดได้สองภาษา เขาอาจฟังดูเหมือนชาวสกอตเมื่อพูดภาษาอังกฤษ แต่เขาก็มีสำเนียงมาลากาเมื่อพูดภาษาสเปน
ดาวเตะชาวสก็อตแลนด์ เริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนท้องถิ่นในตอนใต้ของสเปน ก่อนจะไปสร้างชื่อกับทีมชุดเยาวชนของ เรอัล มาดริด จากนั้นได้กลับมาค้าแข้งกับ มาลาก้า ในบ้านเกิดของเขาเอง และทำผลงานได้เป็นอย่างดี
ฮาร์เปอร์ ได้เริ่มต้นพูดคุยถึงอาชีพตัวเอง พร้อมทั้งประสบการณ์ของเขา กับ กิลเลียม บาลาเกต์ กูรูลูกหนังแดนกระทิงดุ ในการสัมภาษณ์เชิงลึกสำหรับ BBC Radio 5 live ซึ่งเป็นคอลัมน์ฟุตบอลประจำวัน
ฮาร์เปอร์ เกิดที่ มาลาก้า ในแถบคอสตาเดลโซล มีพ่อ-แม่ เป็นชาวสก็อตซึ่แลนด์ และได้ย้ายไปอยู่กับพี่ของพ่อ (ลุง) ฮาร์เปอร์ เมื่อไม่นานมานี้ ก่อนที่เขาจะเกิด
เขาเติบโตขึ้นมาที่ ฟูเอนชิโลร่า ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากชายฝั่ง มาลาก้า ซึ่ เขาได้ลงเล่นให้กับทีมจูเนียร์เป็นครั้งแรก โดยมีบรรดาแมวมองจากทีมในลา ลีกา จะเข้ามาชมเกมเหล่านี้ด้วย เพื่อมองหาดาวรุ่งฝีเท้าดีไปร่วมทีม
ในการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนอันทรงเกียรติใน บลูเนเต้ ในเขตรอบนอกของ มาดริด ผู้เล่นชาวสเปนเช่น อันเดรียส อิเนียสต้า, เชส ฟาเบรกัส และ เกราร์ด ปิเก้ ล้วนผ่านการเล่นในการแข่งขัน บลูเนเต้ มาแล้วทั้งนั้น ขณะที่ ฮาร์เปอร์ ซึ่งเล่นให้กับ อัลเมเรีย ก็โชว์ฟอร์มได้เข้าตาแมวมอง มาดริด เช่นกัน
“อัลเมเรีย ไม่ได้มีระบบเยาวชน ดังนั้นพวกเขาจึงเรียกผู้เล่นจำนวนมากจากเมือง มาลากา และอัลเมเรีย มาร่วมทีม และผมก็ได้รับเลือก ในเกมวันนั้นเราเอาชนะ เรอัล มาดริด 2-0 และจากนั้นพวกเขาก็ได้รู้ว่าผมเป็นใคร”” ฮาร์เปอร์กล่าว
เมื่ออายุ 13 ปี ฮาร์เปอร์ ได้โอกาสเข้าร่วมโรงเรียนของ เรอัล มาดริด เขาใช้เวลาเดินทางนานถึงหกชั่วโมงจาก มาลาก้า เพื่อใช้ชีวิตเต็มเวลาที่สนามฝึกซ้อมของสโมสร และได้รับการศึกษาที่โรงเรียนเอกชนที่ มาดริด จ่ายให้
“ผมอาศัยอยู่ในที่พักอาศัยเป็นหลัก มีผู้เล่นจำนวนมากผ่านเข้ามาที่นั่น ยกตัวอย่าง ฮวน มาต้า, อัล
บาโร เนเกรโด และโรแบร์โต้ โซลดาโด้ คุณต้องอยู่กับเด็กอีก 50 คน การไปโรงเรียนเอกชนเป็นสิ่งที่ผมจำได้เสมอ ที่ มาลาก้า ผมไม่เคยทำแบบนั้นเลย การอยู่ในโรงเรียนที่มีเด็ก 50 คน ที่แตกต่างกันทุกๆวัน จะทำให้คุณได้เรียนรู้ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่”
ฮาร์เปอร์ ได้รับการคัดเลือกผ่านจากทีมเยาวชนขึ้นสู่ทีมชุด c ของสโมสร ซึ่งเปรียบได้กับทีมสำรองของชุด B
“ในห้องแต่งตัวของทีม c จะได้เข้าใกล้ และใกล้ชิดกับทีมชุดแรกมากขึ้น ในปีที่แล้วใกล้ชิดกันมาก ผมจำได้ในโรงยิม หรือในวารีบำบัด คุณจะเห็นพวกเขา (นักเตะชุดใหญ่) และมันก็ค่อนข้างตกใจเมื่อเริ่มเห็นคนที่คุณเห็นในทีวี แต่แล้วคุณก็รู้ว่าพวกเขาเป็นเพียงนักฟุตบอลอย่างคุณ และเป็นแรงจูงใจให้เล่นกับพวกเรา”
เมื่ออายุ 18 ปี ฮาร์เปอร์ เหลือสัญญากับ มาดริด อีก 2 ปี แต่เขาตัดสินใจก้าวออกมาจากทัพ “ราชันชุดขาว” ในที่สุด
“พวกเขาต้องการให้ผมไปเล่นกับทีมอื่นด้วยสัญญายืมตัว แต่นอกเหนือจากผมแล้ว มีผู้เล่นอีก 30 หรือ 40 คนที่ถูกปล่อยยืมออกไป ดังนั้นผมคิดว่ามันเป็นเวลาที่ดีที่ผมจะย้ายออกไป” เขากล่าว
ฮาร์เปอร์ ย้ายจาก มาดริด มาร่วมทีม ไบร์ทตัน ในประเทศอังกฤษ ชิพ โดยไม่เปิดเผยค่าตัว และหวังว่าได้ลงฟาดแข้งในการแข่งขันศึกแชมเปี้ยนชิพ อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวต้องเจอกับปัญหาอาการบาดเจ็บส่งผลให้ไม่ได้ลงสนามกับต้นสังกัดใหม่ถึงครึ่งปี
“มันเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่น่าตกใจมาก ผมทำสัญญาที่ มาดริด เสร็จแล้ว และมีอาการบาดเจ็บที่เข่าอย่างไม่น่าเชื่อ มันควรจะได้รับบาดเจ็บเพียงหนึ่งหรือสองเดือน แต่มันก็มันแย่กว่านั้น ผมต้องพักถึงหกเดือน การเซ็นสัญญากับทีมใหม่ และไม่สามารถลงเล่นได้ มันน่าเจ็บใจมากๆ”
จนกระทั่งอายุ 20 เขาตัดสินใจย้ายจาก ไบรท์ตัน กลับไปยังบ้านเกิด มาลาก้า ซึ่งเป็นสโมสรที่ 2 ในสเปนของตัวเอง และเจ้าตัวก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการซัดไป 13 ประตู จาก 23 นัด
“ผมรู้สึกว่ากำลังกลับบ้าน และอยู่ในที่ที่ผมสะดวกสบาย มันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในเวลานั้น การถอยกลับไปหนึ่งก้าวเพื่อก้าวไปข้างหน้า ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ดี การย้ายทีมครั้งนั้นไม่เพียงแต่เกิดจากเหตุผลด้านฟุตบอล ผมอยากกลับไปหาแม่และพ่อ”
“ผมรู้สึกว่าผมเป็นหนี้พวกเขา ผมออกจากบ้านมาตอนอายุ 13 ปี และเพิ่งได้กลับมาถึงบ้านตอนนี้ เมื่อก่อนเราอาศัยอยู่ในบ้าน และผมอาศัยอยู่ในห้องใต้ดิน มันฟังดูแย่ แต่มันดีจริงๆมันเหมือนแฟลตเล็กๆของผมเอง”
ในฤดูกาลนี้ ฮาร์เปอร์ เป็นส่วนสำคัญของ มาลาก้า ซึ่งตอนนี้รั้งอยู่ในอันดับสามของตารางคะแนน ลีกา 2 ซึ่งมีโอกาสลุ้นขึ้นชั้นามาเล่นในลีกสูงสุดในซีซั่นหน้า
“ผมต้องการเล่นให้กับสกอตแลนด์ในการแข่งขันฟุตบอลโลก ปีนี้เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ เพราะผมกำลังเล่นให้กับเมืองบ้านเกิดของตัวเอง ผมรู้จักผู้คนที่สนับสนุนสโมสร คุณจึงรู้สึกกดดันมากขึ้น แต่ผมดีใจที่ผู้คนเมืองนี้กำลังมีความสุข” หัวหอก มาลาก้า กล่าว
ในอนาคตข้างหน้า ฮาร์เปอร์ มีสิทธิ์ที่จะเล่นในระดับชาติได้กับทั้งสเปน และสกอตแลนด์ แต่เจ้าตัวได้รับเรียกติดทีมชาติสกอตแลนด์ในระดับอยุต่ำกว่า -17, ต่ำกว่า -19 และต่ำกว่า -21 เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม ฮาร์เปอร์ ยืนยันว่า เขามีตัวเลือกอยู่ในใจแล้วว่าจะรับใช้ชาติใด ซึ่งหนึ่งในเป้าหมายด้านอาชีพของเขาคือการเล่นให้กับทีมชาติสกอตแลนด์ในศึกฟุตบอลโลก
“มันเป็นความฝันมาตลอดตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กเล็ก ๆ ที่จะทำให้ครอบครัวของผมภูมิใจ และเล่นให้กับสกอตแลนด์ และเล่นที่แฮมป์เด็น หวังว่าเวลานั้นจะมาถึงเร็ว ๆ นี้ ผมคิดว่าตัวเองกำลังเล่นในฟอร์มที่ดี และถ้ารักษาฟอร์มแบบนี้ต่อไป ผมจะได้รับโอกาสติดทีมชาติสกอตแลนด์ แน่นอน” อดีตเด็กปั้น มาดริด กล่าวปิดท้าย